
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยกรณีการปรับเงื่อนไขสัญญากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในท่าอากาศยานของ AOT เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยืนยันมาตรการช่วยเหลือกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีความเป็นธรรมและเหมาะสม ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ เพราะผู้ประกอบการรายอื่นๆของ AOT กว่า 1,000 สัญญาได้รับมาตรการช่วยเหลือในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด
ทั้งนี้หากไม่ให้การช่วยเหลือมีความเป็นไปได้สูงว่ากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะขอยกเลิกสัญญา ซึ่งในสัญญาระหว่าง AOT กับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ระบุไว้ว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยกเลิกสัญญาได้ภายใน 90 วันนับแต่วันเริ่มสัญญา จากนั้นจึงจะมาพิจารณาว่าความผิดอยู่ที่ฝ่ายใด หากฝ่ายเอกชนผิด AOT สามารถยึดแบงก์การันตี 6 เดือนที่เอกชนวางไว้ได้ทันที แต่หากเอกชนไม่ผิดก็จะไม่ต้องชำระค่าปรับดังกล่าวให้ AOT โดยฝ่ายกฎหมายของ AOT ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่าหากกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยกเลิกสัญญาจริงก็มีความเป็นไปได้มากว่า AOT จะไม่สามารถยึดแบงก์การันตีได้ เนื่องจากฝ่ายรัฐประกาศปิดน่านฟ้าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินลดลงอย่างรุนแรง จึงไม่มีผู้มาใช้บริการร้านค้าดิวตี้ฟรีและพื้นที่เชิงพาณิชย์
ขณะเดียวกันขอย้ำว่าช่วงเวลานี้ไม่เหมาะสมต่อการเปิดประกวดราคาเพื่อหาผู้ประกอบการรายใหม่ เพราะจากการประกวดราคาครั้งที่ผ่านมาพบว่าผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้ลำดับ 2 เสนอผลตอบแทนแก่ AOT ต่ำกว่ากลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ถึง 50% ซึ่งขณะนั้นยังไม่เกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ดังนั้นหากประกวดราคาใหม่ในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส ผลตอบแทนที่เอกชนเสนอก็จะยิ่งต่ำลงอีก และอาจกระทบรายได้ของ AOT ในอนาคตยิ่งกว่าการรักษาสัญญากับกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ไว้
แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคมเผยว่า ผลกระทบที่ AOT ได้รับนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นผลพวงมาจากธุรกิจดิวตี้ฟรีของกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่หดหายไปตลอดช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมาเพราะพิษไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปิดการให้บริการร้านปลอดภาษีเกือบทุกสาขาทั้งในและนอกสนามบิน และคาดว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศคงจะทอดยาวต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 5-6 เดือนจากนี้
ทั้งนี้เห็นมาตรการเยียวยาที่หน่วยงานรัฐอย่าง AOT ให้กับคิงเพาเวอร์ ย้อนมาถึงมาตรการเยียวยาที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กสทช.และรัฐบาลให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและกิจการโทรคมนาคมก่อนหน้า ที่กล่าวได้ว่า แตกต่างกัน เพราะมาตรการเยียวยาที่ กสทช.และรัฐให้ไปแค่ขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทีวีดิจิตอลและ โทรคมนาคมออกไปแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น
โดยอย่างมาตรการที่ให้ไปล่าสุดที่ขยายเมื่อ 27 พ.ค.63 นั้นให้สิทธิ์บริษัทที่มีรายได้เกินพันล้านบาทขึ้นไป จะได้สิทธิ์ยืดจ่ายค่าใบอนุญาตจากที่ต้องจ่ายในเดือนพ.ค.63 ออกไปเป็นเดือนมิ.ย.63จำนวน 50%ส่วนอีก 50%ขยายให้ไปแค่เดือนส.ค.63 หรือขยายไปแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น เทียบไม่ได้เลยกับพี่ AOT ให้กับเอกชนคู่สัญญาสัมปทาน แต่กระนั้นมาตรการที่ได้ไปนั้น ผู้ประกอบการมือถือต้องแลกมาด้วยการจัดโปรโมชั่นให้โทรฟรี 100 นาที หรือจัดโปรโม่ต่างๆเยียวยาลูกค้าผู้ใช้บริการตอบแทน
สำหรับมาตรการที่เคยได้รับก่อนหน้าให้ขยายเวลาจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีออกไปจาก 5 ปีเป็น 8-10 นั่นต้องอาศัยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ ใช้ ม. 44 ยืดเวลายืดการจ่ายค่าธรรมเนียมมือถือให้ แต่กระนั้นยังถูกนักวิชาการโจมตีว่าเอื้อประโยชร์ให้ค่ายมือถือทำให้รัฐเสียหายกันเป็นหมื่นล้าน แต่กลับกรณี AOT ที่มีมาตรการเยียวยาให้แก่กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ที่ต้องเซ่นพิษไวรัส โควิด- 19 กลับไม่เห็นนักวิชาการออกมาระบุว่าทำให้รัฐเสียหายแม้แต่น้อย ดังนั้นรัฐควรเยียวยาประกอบการทีวีดิจิทัลและกิจการโทรคมนาคมเพิ่มเติม
"เงื่อนไข" - Google News
August 09, 2020 at 03:30PM
https://ift.tt/3imNPKb
พิษโควิดฉุดนักท่องเที่ยวหด “AOT”ปรับเงื่อนไขสัญญาคิง เพาเวอร์เป็นธรรม เอกชนวอนขอเยียวยาเท่าเทียม - สยามรัฐ
"เงื่อนไข" - Google News
https://ift.tt/2XGwUcI
Home To Blog

No comments:
Post a Comment