นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาจาก 50 โรงเรียนทั่วประเทศนัดหมายชุมนุมหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อประกาศ 3 ข้อเรียกร้อง และ 1 เงื่อนไขต่อหน้ารัฐมนตรี
การชุมนุมครั้งนี้จัดโดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "นักเรียนเลว" โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต ในฐานะเจ้าของพื้นที่ และตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 รวม 50 นาย กระจายกำลังกันรักษาความปลอดภัย
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. ออกตัวว่า เวลาพูดคำว่า "โต้วาที" หรือ "ดีเบต" แสดงว่ามีความคิดแตกต่างกัน ส่วนตัวจึงไม่ขอโต้วาทีด้วย เพราะคิดเหมือนกับนักเรียนว่าอยากปฏิรูปการศึกษา แต่พร้อมจะรับฟังข้อเสนอจากเยาวชน
อย่างไรก็ตาม รมว.ศธ. เห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาพุดคุยกันทุกเดือน หรือมองว่าเป็นการใช้เวลาไม่เหมาะสมสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม "ไปเรียนหนังสือน่าจะเหมาะกว่า" แม้เห็นว่าการพูดคุยจะทำให้ได้ทางออกร่วมกันในการปฏิรูปการศึกษา แต่ก็ต้องจำกัดว่าจะฟังกันอีกเท่าไร
สำหรับ 3 ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมรุ่นมัธยมคือ หยุดคุกคามนักเรียน, ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง และปฏิรูปการศึกษา หากทำไม่ได้ให้ รมว.ศธ. ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายณัฏฐพลเห็นว่า 1 เงื่อนไขที่ว่านี้ "เป็นการคุกคาม"
"ผมก็พยายามแก้ปัญหา ก่อนน้อง ๆ มาก็ได้แสดงออกแล้วว่าทั้งกระทรวงพร้อมมองความเหมาะสมในการปฏิรูปการศึกษาให้ทันสมัยทันต่อสถานการณ์ หากพวกเราทุกคนตั้งใจแบบนั้น แล้วยังคิดว่าต้องออกไปจากประเทศนี้ หรือออกไปจากตำแหน่งนี้ ก็ต้องให้ทุกคนในกระทรวงออกไป" นายณัฏฐพลกล่าวกับสื่อมวลชน
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลานัดหมายชุมนุมของยุวชนและเยาวชน นายณัฏฐพลได้ชิงเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนชี้แจงผลการดำเนินการของ ศธ. เพื่อสนองตอบต่อข้อเรียกร้องของนักเรียน มีรายละเอียดสำคัญสรุปได้ ดังนี้
ทรงผม : ศธ. ยกเลิกระเบียบข้อที่ 7 เปิดโอกาสให้ผู้บริหารสถานศึกษาตัดสินใจว่าทรงผมควรเป็นอย่างไร โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนหญิงไว้ผมสั้น และผมยาว แต่ต้องรวบผม ส่วนนักเรียนชายไว้ผมรองทรงได้
เครื่องแต่งกาย : ต้องยอมรับว่าทั่วประเทศและทั่วโลกยังมีการแต่งเครื่องแบบในโรงเรียน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นในปัจจุบันที่จะเอาเรื่องนี้มาเป็นเรื่องสำคัญสุดในการแก้ปัญหา ส่วนในอนาคตก็ต้องทำความเข้าใจหากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องใหญ่ขนาดนี้เพราะทั่วโลกยังปฏิบัติอยู่ โดยมีปัจจัยสำคัญคือการรักษาความปลอดภัย ทำให้ทุกคนมองเห็นว่านักเรียนอยู่ที่ไหน จะระมัดระวังอย่างไร
"หวังว่าน้อง ๆ จะเข้าใจว่าประเทศไทยอาจยังไม่พร้อมจะก้าวสู่การแต่งกายแบบเสรี และในคำถามที่ถามไปโรงเรียนต่าง ๆ นักเรียนส่วนใหญ่ก็ยังอยากมีชุดนักเรียน หลายคนสะท้อนว่าหากไม่มีชุดนักเรียนจะเหลื่อมล้ำมากไปอีก จะแข่งกันแต่งตัว แข่งกันแต่งสินค้าราคาแพง และอาจดูถูกเพื่อน ๆ ที่แต่งกายไม่ดี" และ "ถ้าจะยกเลิกเครื่องแต่งกาย คงไม่ใช่ปีนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่ในช่วงที่ผมปฏิบัติหน้าที่ รมว.ศธ." นายณัฏฐพลกล่าว
ความหลากหลายทางเพศ : รัฐบาลได้ผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คู่ชีวิตไปแล้ว เตรียมเข้าสู่กระบวนการในสภา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเราเริ่มมีความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ
การคุกคามทางเพศในโรงเรียน : ศธ. ได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และได้ให้ครูออกจากราชการชั่วคราวไปแล้ว 15 คน เพื่อแก้ปัญหาการใช้ความรุนแรงในโรงเรียน
การคุกคามจากการแสดงออก "ชูสามนิ้ว" และ "ผูกโบว์ขาว" : ต้องยอมรับว่าถ้าครู 100 คนตักเตือนนักเรียน แต่ครูอีก 5 แสนคนยอมรับได้ ดังนั้นต้องใช้เวลาในการหาทางออกที่เหมาะสม โดยพูดคุยกับทั้งครู ผู้ปกครอง และนักเรียน หลาย ๆ กรณีที่บอกว่ามีการคุกคามจากภายนอก มีตำรวจเข้าไปในโรเงรียน เมื่อลงไปตรวจสอบก็ทราบว่าตำรวจขอเข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนเพราะจะมีการชุมนุม แต่ถูกมองเป็นการคุกคาม
"จะบอกว่าเราดีดนิ้วแล้ว โรงรียนปลอดภัยทันที ผมว่าเราหลอกตัวเองครับ ก็ต้องหาแนวทางแก้ไขให้ได้" นายณฏฐพลกล่าว
หลักสูตรการศึกษา : ครม. อนุมัติให้มีตำแหน่งครูที่พูดอังกฤษและภาษาจีนอย่างละ 1 หมื่นคน แสดงว่าเราให้ความสำคัญต่อผู้มาชุมนุมเรียกร้อง แต่ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้เพราะมีโควิด-19 แต่วางแผนไว้ว่าในปี 2565 จะปรับปรุงหลักสูตรการศึกษา และเริ่มทดลองในปี 2564 แต่เมื่อมีข้อเรียกร้องขนาดนี้ ก็มีความจำเป็นต้องปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจบัน
ยกเลิกโอเน็ต : ได้เรียกประชุมเพื่อพิจารณายกเลิกโอเน็ต เพราะปีนี้การศึกษา ไม่เท่าเทียมกัน บางโรงเรียนเปิด-ปิดสลับวันเรียน บางโรงเรียนสลับสัปดาห์เรียน จึงไม่สามารถทำการทดสอบความสามารถเด็กในมาตรฐานเดียวกันได้ อีกทั้งในอนาคต 6-7 เดือน ก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไร อาจมีการแพร่ระบาดโควิดรอบ 2 และ 3 ทำให้มาตรฐานยิ่งแตกต่างกัน
"เงื่อนไข" - Google News
September 05, 2020 at 02:41PM
https://ift.tt/3h18WAN
นักเรียนเลว : ณัฏฐพล อ้างถูก “คุกคาม” จากเงื่อนไขทำไม่ได้ให้ลาออก ชิงแจงแผนปฏิรูปการศึกษาก่อนเยาวชนชุมนุมหน้ากระทรวง - บีบีซีไทย
"เงื่อนไข" - Google News
https://ift.tt/2XGwUcI
Home To Blog
No comments:
Post a Comment