วันศุกร์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 10.20 น.
“อนุทิน” ชง ศบค. จับคู่ “บินข้ามประเทศ” หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้น ประเดิมให้นักธุรกิจก่อน เห็นด้วยเปิดสนามบินภูเก็ตตามข้อเรียกร้อง
เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 12 มิถุนายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการยกเลิกการประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน หรือเคอร์ฟิวเป็นเวลา 15 วัน ว่า รอให้ประชุม ศบค.ก่อนแต่แนวโน้มจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถามว่า แนวโน้มที่ดีขึ้นจะถึงขั้นการยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอถามนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามมาตรการต่างๆที่เราทำมาล้วนเป็นการทำเพื่อลดการติดเชื้อภายในประเทศให้น้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้เราไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมา 17 วันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ไปอีกนานได้เรื่อยๆก็ยิ่งดี แต่ขอว่าตอนนี้อย่าเพิ่งนำเรื่องนี้ไปโยงกับเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะทุกอย่างที่จะต้องมีการตัดสินใจ ศบค.ต้องมั่นใจว่าประชาชนจะมีความปลอดภัยและประเทศไทยปลอดเชื้อ ถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ถือว่าไว้วางใจได้แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนออกมา เราทุกคนก็ยังต้องระมัดระวัง ทางที่ดีที่สุดทุกคนยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีข้อเรียกร้องให้เปิดสนามบินนานาชาติภูเก็ตมีความเป็นไปได้ในเร็วๆนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนจะนำเสนอในที่ประชุม ศบค.ในวันเดียวกันนี้ เพราะมีผู้ประกอบการการท่องเที่ยว รวมทั้งอีกหลายหลายฝ่ายเรียกร้องมา ส่วนตัวคิดว่าควรจะต้องเปิดสนามบินนานาชาติภูเก็ตได้แล้วเพราะขณะที่สนามบินสุวรรณภูมิเองก็ยังเปิดให้บริการแล้วเช่นกัน
เมื่อถามย้ำว่าต้องการให้เปิดภายในเดือนนี้หรือเริ่มในเดือนกรกฎาคม นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องการให้เปิดเร็วที่สุด เนื่องจากขณะนี้ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะครบ 28 วัน ซึ่งเมื่อถึงเวลาดังกล่าวก็ถือว่ามีเหตุผลเพียงพอในการที่จะคลายล็อกต่างๆ
เมื่อถามว่าภาพรวมการเปิดการบินระหว่างประเทศจะสามารถเริ่มได้ในเดือนกรกฎาคมนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ใจเย็นๆขณะนี้มีความคิดที่จะให้มีการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศ โดยประเทศของเราก็จะไปดูประเทศที่มีมาตรฐานในการควบคุมกลุ่มโรคที่อยู่ระดับเดียวกัน หรือประเทศที่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ดี ลดการแพร่ระบาดไปได้มาก เป็นลักษณะทำความตกลงจับคู่กัน โดยประเทศทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องทำมาตรการในการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศของตัวเอง ซึ่งวันเดียวกันนี้ตนจะเสนอรูปแบบดังกล่าวให้ที่ประชุม ศบค.และนายกรัฐมนตรีพิจารณา
เมื่อถามย้ำว่าของจะเป็นลักษณะของแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยอมรับว่า มีแนวคิดเช่นนั้น แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่การเปิดเดินทางโดยเสรี เพราะทั้ง 2 ประเทศต้องมานั่งหารือกันถึงมาตรการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศ ขณะนี้เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆได้เสนอเรื่องนี้เข้ามา และตอบรับแนวคิดดังกล่าวด้วยเช่นกัน จะนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณา ถ้าที่ประชุมให้ความเห็นชอบเราก็จะเดินหน้าเปิดเจรจากับประเทศต่างๆต่อไป โดยอาจจะเริ่มต้นโดยให้ธุรกิจเข้ามาก่อนส่วนนักท่องเที่ยวยังคงต้องรอขั้นตอนต่อไป ส่วนที่ยังพบผู้ติดเชื้อในสถานที่กักกันของรัฐนั้น ทั้งหมดก็เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อพบการติดเชื้อก็นำไปรักษาตัวทันที ไม่มีไม่มีหลุดไปไหน
“ประเทศไทยจะอยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ได้ ก็ต้องมีการปรับ ต้องทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ ธุรกิจต่างๆทำงานได้ ที่สำคัญที่สุดผู้ประกอบการและลูกจ้าง จึงต้องทำทุกอย่างแม้อาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อบ้าง แต่ถ้าเรายังมีระบบการคัดกรองและระบบการรักษาที่ดีก็มั่นใจได้ว่าเรายังสามารถคุมสถานการณ์ได้ จึงต้องพยายามคืนสู่สภาพปกติให้ได้เร็วที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
"เงื่อนไข" - Google News
June 12, 2020 at 10:20AM
https://ift.tt/2XTZFEr
'อนุทิน'ชงจับคู่'บินข้ามประเทศ'ได้' แจงเงื่อนไข-ประเดิมนักธุรกิจ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"เงื่อนไข" - Google News
https://ift.tt/2XGwUcI
Home To Blog
No comments:
Post a Comment